วันอังคารที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2555

ประวัติ เอริก แดเนียล ปิแอร์ กองโตนา


เอริก แดเนียล ปิแอร์ กองโตนา (Éric Daniel Pierre Cantona) (เกิดเมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2509 (ค.ศ. 1966) ที่เมือง มาร์กเซย์ ประเทศฝรั่งเศส) เล่นฟุตบอลอาชีพกับแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด เป็นสโมสรสุดท้าย ซึ่ง คันโตนา ประสบความสำเร็จได้แชมป์พรีเมียร์ลีก ถึง 4 สมัย ภายในเวลา 5 ปี รวมไปถึงการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกและฟุตบอลถ้วย เอฟเอคัพ ภายในฤดูกาลเดียวกันอีกสองสมัย ในปี พ.ศ. 2543 (ค.ศ. 2000) ได้รับการโหวตจากแฟนๆ ของทีม ให้เป็นนักฟุตบอลแห่งศตวรรษ แฟนๆ ยังคงกล่าวถึงคันโตนา โดยเรียกเขาว่า "เอริก เดอะ คิง" จนถึงทุกวันนี้

ประวัติพอสังเขปชื่อเต็ม : เอริก แดเนียล ปิแอร์ กองโตนา
วันเกิด  : 24 พฤษภาคม ค.ศ. 1966
สถานที่เกิด : มาร์กเซย ประเทศฝรั่งเศส
ส่วนสูง : 185 ซ.ม. (6 ฟุต 2 นิ้ว)
ชื่อเล่น : เอริก เดอะ คิง
ตำแหน่ง : กองหน้า

สโมสรเยาวชน
1981-1983  โอแซร์

สโมสรอาชีพ
1983-1985  โอแซร์
1985-1986  มาร์ตีกส์
1986-1988  โอแซร์
1988-1989  โอลิมปิกมาร์กเซย
1989  บอร์กโดช์
1989-1990  มงเปลลิเยร์
1990-1991  โอลิมปิกมาร์กเซย
1991  นีมส์
1992  ลีดส์ยูไนเต็ด
1992-1997   แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด 

ทีมชาติ1987-1994  ฝรั่งเศส


ประวัติกีฬาบาสเกต


ประวัติกีฬาบาสเกตบอลต่างประเทศ


 กีฬาบาสเกตบอลเป็นกีฬาประเภททีม มีผู้เล่นฝ่ายละ ๕ คน โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อนำ
ลูกบาสเกตบอลไปโยนลงห่วงประตูของฝ่ายตรงกันข้ามให้ได้มากที่สุด โดยมีทักษะการ
เล่น ได้แก่ การส่ง – รับลูกการเลี้ยงลูกและการยิงประตู
         กีฬาบาสเกตบอลมีกำเนิดขึ้น เป็นครั้งแรกที่ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยเริ่มจาก
ดร. เจมส์ เอ เนสมิท (JamesA.Naismith) ได้คิดขึ้นเพื่อเล่นในโรงพลศึกษาของ
โรงเรียนฝึกอบรม ของสมาคมวายเอ็มซีเอนานาชาติ
(International Young Men’s Christian Association Training School)
ที่เมือง สปริงฟีลด์ มลรัฐแมสซาซูเซตส์ ในช่วงที่มีหิมะตก เมื่อ ค.ศ. ๑๘๙๑ (พ.ศ. ๒๔๓๔)
โดยใช้ตะกร้าลูกพีช ๒ ใบแขวนเป็นประตู จึงทำให้กีฬานี้ได้ชื่อว่าบาสเกตบอล (Basketball)
การเล่นครั้งนั้นใช้ ลูกฟุตบอลเป็นลูกบอล มีผู้เล่นทั้งหมด ๑๘ คน แบ่งออกเป็น ๒ ฝ่าย
ฝ่ายละ ๙ คน มีกฎการเล่น ๔ ข้อ คือ
          ๑. ห้ามถือลูกเคลื่อนที่
          ๒. ห้ามมิให้ผู้เล่นปะทะตัวกัน
          ๓. ประตูอยู่ระดับศีรษะและขนานพื้น
          ๔. ผู้เล่นจะถือลูกบอลนานเท่าใดก็ได้ และผู้เล่นฝ่ายตรงข้ามจะต้องไม่ถูกตัวผู้เล่น

       ต่อมามีการปรับปรุงการเล่นเป็น ๑๓ ข้อโดยลดผู้เล่นเหลือฝ่ายละ ๕ คน เนื่องจาก
ในการเล่นเกิดการ ปะทะกันเพราะสนามแคบ ดังนั้นจึงทำให้เกมการเล่นสมบูรณ์ยิ่งขึ้นทั้งยัง
ลดการปะทะกันอีกด้วย ในปัจจุบันกติกาการเล่นดังกล่าวยังคงปรากฏอยู่ ณ โรงพลศึกษา
เมืองสปริงฟีลด์ คือ
     ๑. การโยนลูกจะใช้มือเดียวหรือสองมือโดยไปในทิศทางใดก็ได้
     ๒. การตีลูกจะใช้มือเดียวหรือสองมือตีไปทิศทางใดก็ได้
     ๓. ผู้เล่นจะพาลูกบอลวิ่งไม่ได้ และต้องส่งตรงจุดรับลูกบอล ยกเว้นขณะที่วิ่งมารับลูกด้วย
ความเร็วให้เคลื่อนไหวได้เล็กน้อย
     ๔. ต้องจับลูกบอลด้วยมือทั้งสองข้าง โดยไม่ให้ใช้ส่วนอื่นของร่างกาย
     ๕ . การเล่นจะชน คือผลักหรือทำให้ฝ่ายตรงข้ามล้ม ถือว่าฟาวล์หนึ่งครั้ง ถ้าฟาวล์ครั้งที่สอง
         ให้ออกจากการแข่งขัน จนกว่าจะมีผู้เล่นฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งยิงประตูได้จึงจะกลับมาเล่นได้อีก           ถ้าเกิดการบาดเจ็บขณะเล่นไม่อนุญาตให้มีการเปลี่ยนตัว
     ๖. การทุบด้วยกำปั้นถือว่าผิดกติกาให้ปรับเช่นเดียวกับ ข้อ 5
     ๗ . ทีมใดทำฟาวล์ติดต่อกัน 3 ครั้ง ให้อีกฝ่ายหนึ่งได้ประตู
     ๘. การได้ประตูทำได้โดยการโยนหรือปัดลูกบอลให้ขึ้นไปค้างบนตะกร้า
     ๙. เมื่อลูกบอลออกนอกสนาม ผู้เล่นนที่จับลูกบอลคนแรกเป็นผู้ทุ่มลูกเข้ามาเล่นต่อ           กรณีที่ไม่สามารถรู้ได้ว่าใครก่อนหลังผู้ตัดสินจะส่งลูกบอลเข้ามาให้ ผู้ส่งจะต้องส่งลูกบอล
          เข้าสนามภายใน 5 วินาที ถ้าช้ากว่านี้จะให้ผู้เล่นฝ่ายตรงข้ามส่งแทน ถ้าผู้เล่นถ่วงเวลา
          การเล่นให้ปรับฟาวล์
    ๑๐.ผู้ตัดสินมีหน้าที่ตัดสินผู้ฟาวล์ และลงโทษผู้เล่น
    ๑๑.ผู้ตัดสินทำหน้าที่ตัดสินลูกบอลออกนอกสนาม และรักษาเวลา บันทึกจำนวนลูกที่ได้           และทำหน้าที่ทั่วไปของผู้ตัดสิน
     ๑๒.การเล่นแบ่งเป็น 2 ครึ่ง ครึ่งละ 15 นาที
     ๑๓.ฝ่ายที่ทำประตูได้มากกว่าเป็นฝ่ายชนะหัวหน้าทีมจะตกลงกันถ้าคะแนนเท่ากัน
          เพื่อต่อเวลาแข่งขัน ถ้าฝ่ายใดทำประตูได้ก่อนจะเป็นฝ่ายชนะ

          กติกานี้ใช้มาจนถึง ค.ศ. ๑๙๓๗ (พ.ศ. ๒๔๘๐) จึงได้ปรับปรุงแก้ไขครั้งใหญ่เพื่อใช้ใน
การแข่งขันกีฬาโอลิมปิกครั้งที่ ๑๑ ที่กรุงเบอร์ลิน ประเทศสเยอรมนี และใน ค.ศ. ๑๙๓๙
(พ.ศ. ๒๔๘๒) ดร.เจมส์ เอ. เนสมิท ก็เสียชีวิตลง ก่อน จะได้เห็นความสำเร็จ และความยิ่งใหญ่
ในกีฬาบาสเกตบอลที่เขาคิดค้นขึ้น ต่อมาจากนั้นกีฬาบาสเกตบอลก็แพร่หลายพัฒนาการเล่น
เป็นที่นิยมอย่างรวดเร็วเป็นที่รู้ ้จักกันทั่วโลก องค์กรที่เกี่ยวข้องกับกีฬาบาสเกตบอลในระดับ
นานาชาติ ได้แก่ สหพันธ์บาสเกตบอลนานาชาติ (ชื่อภาษาอังกฤษ International Amateur Basketball Federation ชื่อภาษาฝรั่งเศส Fe’de’ration International de Basketball Amateur ใช้ชื่อย่อว่า FIBA) นอกจากนี้ยังมีองค์กรในระดับทวีป เช่น สมาพันธ์บาสเกตบอลเอเชีย (Asian Basketball Confederation หรือ ABC) เป็นต้น



ประวัติกีฬาบาสเกตบอลในประเทศ
 ประเทศไทยเริ่มเล่นกีฬาบาสเกตบอลกันตั้งแต่เมื่อใด สมัยใด ยังไม่มีหลักฐานยืนยัน
อย่างแน่ชัด แต่เท่าที่ค้นคว้าและมีหลักฐานยืนยันว่าในปี พ.ศ. ๒๔๗๗ นายนพคุณ
พงษ์สุวรรณ อาจารย์สอนภาษาจีนได้แปลกติกา การเล่นบาสเกตบอลจากภาษาอังกฤษ
เป็นภาษาไทยขึ้นเป็นครั้งแรก

       พ.ศ ๒๔๗๗ กรมพลศึกษาได้จัดการแข่งขันกีฬา บาสเกตบอลระดับนักเรียนขึ้น
เป็นครั้งแรก สมัยที่ น.อ หลวงศุภชลาศัย ร.น ดำรงตำแหน่ง อธิบดีกรมพลศึกษา

       พ.ศ ๒๔๙๕ ได้มีการจัดการแข่งขันกีฬาบาสเกตบอลระหว่างนักเรียนหญิง และ
การแข่งขันระหว่างประชาชนทั่วๆไป

     พ.ศ. ๒๔๙๖ ได้มีการจัดตั้งสมาคมบาสเกตบอลแห่งประเทศไทย และได้เป็นสมาชิก สมาคมบาสเกตบอลระหว่างประเทศตั้งแต่ วันที่ ๑๐ กรกฎาคม ๒๔๙๖
      ปัจจุบันกีฬาบาสเกตบอลถูกบรรจุในหลักสูตรการเรียนการสอนแทบ ทุกระดับการศึกษา
คือตั้งแต่ระดับประถม มัธยม และอุดมศึกษา นอกจากนี้ยังมี การแข่งขัน อยู่ตลอดเวลา
องค์กรสำคัญที่ส่งเสริมและจัดการแข่งขันกีฬาบาสเกตบอล ในประเทศไทย ได้แก่
สมาคมบาเกตบอลแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ กรมพลศึกษา กรุงเทพมหานคร
การกีฬาแห่งประเทศไทย ทบวงมหาวิทยาลัย (กีฬามหาวิททยาลัย) กองทัพ (กีฬาเหล่าทัพ) กองทัพอากาศ (กีฬานักเรียน) สถาบันการศึกษาทั่วไป 


ประโยชน์ของการเล่นกีฬาบาสเกตบอล
 กีฬาบาสเกตบอลเป็นกีฬาที่ทำให้ผู้เล่นได้รับประโยชน์ดังนี้
๑. ช่วยพัฒนาส่งเสริมสมรรถภาพด้านต่าง ๆ ได้แก่ ร่างกาย จิตใจ สติปัญญา
     อารมณ์และสังคมแก่บุคคล
๒. ช่วยพัฒนาส่งเสริมกลไกการเคลื่อนไหวของร่างกาย (motor skills) ให้ทำงานประสาน
     กันดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นมือ เท้า สายตาให้เคลื่อนไหวได้อย่างถูกต้อง
๓. เป็นกิจกรรมนันทนาการสำหรับพักผ่อน คลายความตึงเครียด แก่ผู้เล่นและผู้ชม
๔. ช่วยฝึกการตัดสินใจ และรู้จักคิดแก้ปัญหา ตลอดจนมีสมาธิที่ดี
๕. ช่วยฝึกให้มีน้ำใจเป็นนักกีฬา รู้จักแพ้ รู้จักชนะ และรู้จักให้อภัย
๖. ใช้เป็นสื่อนำในการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลและส่วนรวม
๗. ใช้เป็นสื่อนำในการจัดการกิจกรรมการเรียนการสอนวิชาพลศึกษา
๘. ผู้เล่นที่มีความสามารถจะทำชื่อเสียงให้แก่ตัวเอง วงศ์ตระกูล และประเทศชาติ
๙. เป็นวิชาชีพด้านหนึ่งสำหรับงานกีฬา เช่น การแข่งขันกีฬาบาสเกตบอลอาชีพ
    เป็นต้น

มารยาทของผู้เล่นและผู้ดูกีฬาบาสเกตบอลที่ดี
๑. มีความรู้เรื่องระเบียบและกฎกติกาการเล่น
๒. แต่งกายด้วยชุดที่เหมาะสมต่อการเล่นหรือการแข่งขันกีฬาบาสเกตบอล
๓. เล่นกีฬาด้วยความสนุกสนานและมีมารยาท มีความสุภาพทั้งกิริยาท่าทางตลอดจนคำพูด
๔. ให้เกียรติและเชื่อฟัง ยอมรับคำตัดสินของผู้ตัดสิน
๕. มีน้ำใจนักกีฬา รู้จักแพ้ รู้จักชนะ รู้จักให้อภัย
๖. เป็นผู้ที่ตรงต่อเวลา
๗. ไม่ควรดูถูกความสามารถผู้อื่น จะด้วยวาจาหรือท่าทาง
๘. ควรแสดงความยินดีและชมเชยเมื่อผู้เล่น เล่นได้ดี
๙. ควรเปิดโอกาสให้ผู้อื่นได้เล่นบ้างเมื่ออุปกรณ์มีจำกัด
๑๐. ไม่กระทำการใดๆ อันเป็นการยั่วยุหรือกลั่นแกล้งผู้เล่นฝ่ายตรงข้าม
๑๑. ต้องเล่นตามระเบียบตามกติกาที่กำหนดไว้
๑๒. เชื่อฟังคำสั่งของหัวหน้าทีมหรือผู้ฝึกสอน และต้องปฏิบัติตาม
๑๓. มีความรับผิดชอบในหน้าที่ที่ตนได้รับมอบหมาย
๑๔. รู้จักระงับอารมณ์เมื่อเกิดการยั่วยุจากฝ่ายตรงข้าม
๑๕. ไม่ครอบครองลูกบอลแต่เพียงผู้เดียวต้องแจกจ่ายให้เพื่อนร่วมทีมบ้าง
๑๖. เมื่อเล่นกีฬาแพ้หรือชนะไม่ควรดีใจหรือเสียใจจนเกินไป
๑๗. การเล่นกีฬาต้องเล่นอย่างสุดความสามารถไม่ว่าตนเองจะเป็นฝ่ายแ้พ้หรือชนะ
๑๘. หลังจากการแ่ข่งขันแล้วไม่ว่าจะเป็นฝ่ายแพ้หรือชนะจะต้องฝึกซ้อมให้ดียิ่งขึ้น
๑๙. มีความตั้งใจในการฝึกซ้อม และมีความอดทน
๒๐. ไม่สร้างความเดือดร้อนให้แก่ผู้อื่น ในขณะฝึกซ้อมหรือแ่งขัน
๒๑. หลังจากฝึกซ้อมแล้วต้องเก็บอุปกรณ์ให้เรียบร้อย
มารยาทของผู้ชมกีฬาบาสเกตบอลที่ดี
๑. ปรบมือแสดงความยินดีแก่ผู้เล่นที่เล่นได้ดี ผู้เล่นมีมารยาทดี ทีมชนะการแข่งขันหรือผู้เล่น
     ที่ได้รับรางวัล
๒. ไม่แสดงอาการหรือส่งเสียงยั่วยุจนทำให้ผู้เล่นหรือกองเชียร์ฝ่ายตรงข้ามเกิดโทสะ
๓. ไม่กระทำตัวเป็นผู้ตัดสินเสียเอง เช่น ตะโกนด่า ใช้สิ่งของขว้างปานักกีฬา ผู้ตัดสิน ผู้ชม
     หรือคัดค้านการตัดสิน
๔. ไม่ควรสูบบุหรี่หรือเสพเครื่องดื่มมึนเมาขณะชมการแข่งขัน
๕. ไม่แสดงกริยาท่าทาง ส่งเสียง ยั่วยุอันเป็นอุปสรรคต่อการเล่นของผู้เล่น และผู้ตัดสิน
๖. นั่งดูด้วยความเป็นระเบียบเรียบร้อยในที่ที่จัดไว้ ไม่ยืนเกะกะบังผู้อื่น
๗. ปรบมือให้เกียรติเมื่อกรรมการผู้ตัดสินและนักกีฬาลงสนาม
๘. ควรศึกษากฏกติกาการแข่งขันกีฬาที่ตนดูเป็นอย่างดี
๙. การชมเป็นหมู่คณะ ควรนั่งรวมกันเป็นกลุ่มและเชียร์ด้วยเพลงสุภาพ
๑๐.ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ในเมื่อเกิดเหตุความวุ่นวายในสนาม
๑๑. สนับสนุนให้กำลังใจและให้เกียรตินักกีฬาทุกชนิดเพื่อเป็นการส่งเสริมการกีฬาของชาติ
๑๒. ไม่ควรเปล่งวาจาสนับสนุนผู้เล่นในทางที่ผิด

เรื่องย่อ Fast Five (Fast & Furious 5)


ชื่ออังกฤษ Fast Five (Fast & Furious 5)
ชื่อไทย เร็ว...แรง ทะลุนรก 5
ประเภทหนัง Action
ผู้กำกับ Justin Lin
ผู้แต่ง -
วันที่เข้าฉาย 05 May 2011
ความยาวหนัง -
นักแสดง Paul Walker, Vin Diesel, Dwayne The Rock Johnson
เรทภาพยนตร์ - ไทย
(ดูรายละเอียด) ภาพยนตร์ที่เหมาะสมกับผู้มีอายุตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไปภาพยนตร์ที่เหมาะสมกับผู้มีอายุตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไป
เรทภาพยนตร์ - สากล -
สถานที่ถ่ายทำ -
ภาษา -
เว็บไซต์ -

เร็ว...แรง ทะลุนรก 5 | เรื่องย่อ

วิน ดีเซล และพอล วอล์กเกอร์ นำทีมการกลับคืนจอแบบคืนสู่เหย้าของเหล่าดาราดังจากทุกภาคของภาพยนตร์แฟรนไชส์สุดฮิตซิ่งติดล้อใน Fast Five ในภาคนี้ ไบรอัน โอคอนเนอร์ อดีตตำรวจ (พอล วอล์กเกอร์) จับคู่กับอดีตวายร้าย ดอม โทเร็ตโต้ (วิน ดีเซล) ซิ่งไปบนถนนคนละฝั่งกับกฎหมาย ดเวย์น จอห์นสัน ขอร่วมทีมนักแสดงขวัญใจคนดูอย่าง จอร์ดาน่า บรูว์สเตอร์, คริส “ลูดาคริส” บริดเจส, ไทรีส กิ๊บสัน, ซุง กัง, กัลป์ กาด็อท, แม็ตต์ ชุลซ์, เทโก้ คัลเดอรอน และดอนโอมาร์ ในงานซิ่งส์เดิมพันสูงสุดเท่าที่เคยมีมา

นับแต่ที่ไบรอัน และมีอา โทเร็ตโต้ (บรูว์สเตอร์) ช่วยดอมให้พ้นจากการโดนควบคุมตัว พวกเขาซิ่งส์ข้ามชายแดนเพื่อหลบหนีทางการ บัดนี้ เมื่อย้อนกลับมายังมุมถนนในรีโอ เดอ จาเนโร พวกเขาต้องรับงานสุดท้ายเพื่ออิสรภาพ ขณะที่พวกเขาทำการรวบรวมบรรดานักซิ่งระดับตีนผี กลุ่มพันธมิตรที่ไม่น่ามารวมกลุ่มด้วยกันได้ รู้ดีว่าโอกาสเดียวของพวกเขาที่จะได้รับอิสรภาพก็คือการเผชิญหน้ากับนักธุรกิจคอรัปชั่นที่ต้องการให้พวกเขาตาย แต่หมอนั่นไม่ใช่เพียงคนเดียวที่ตามล่าพวกเขาอยู่

ลุค ฮ็อบบ์ส เจ้าหน้าที่หัวแข็ง (จอห์นสัน) ทำงานไม่เคยพลาดเป้า เมื่อเขาได้รับมอบหมายให้ตามล่าตัวดอมและไบรอัน เขากับทีมจู่โจมเปิดฉากภารกิจโจมตีทุกวิถีทางเพื่อจับตัวสองขาซิ่งส์ให้ได้ แต่เมื่อคนของเขาทำบราซิลแทบแตก ฮ็อบบ์สได้เรียนรู้ว่าเขาไม่สามารถแยกคนดีออกจากคนเลวได้ บัดนี้ เขาต้องพึ่งสัญชาตญาณตัวเองเท่านั้นเพื่อไล่เหยื่อให้จนมุม…ก่อนที่จะมีคนอื่นถึงตัวพวกเขาก่อน



แถลงเปิดตัว ดูคาติ


ดูคาติ จัดงาน เปิดตัว มอ เตอร์ ไซค์ “Ducati 1199 Panigale” (ดูคาติ 1199 พานิกา เล่)
ในวัน​เสาร์ที่ 25 กุมภาพันธ์ 2555 ​เวลา 18.00 น.
ณ ​โชว์รูมดูคาติ ทองหล่อ ซ.สุขุมวิท 55 (ตรงข้ามปากซ.ทองหล่อ 23)
​โดยงานนี้จะจัดขึ้น​ในบรรยากาศที่​เป็นกัน​เอง​และ​ใกล้ชิด​ในส​ไตล์ปาร์ตี้ ​เพื่อ​ให้​เหล่าลูกค้า​และ​เซ​เลบริตี้คนดังของ ดูคาติที่ชื่นชอบ​และหลงรักซุป​เปอร์​ไบค์​ได้ดื่มด่ำ​และยล​โฉมของ “ดูคาติ 1199 พานิกา​เล่” สุดยอดบิ๊ก​ไบค์ล่าสุดจากดูคาติ ​ซึ่งมี​ไฮ​ไลท์อยู่ที่​การ​เปิดตัวอย่างอลัง​การ​และน่าตื่นตาตื่น​ใจ ท่ามกลาง​แขก​ผู้มี​เกียรติจำนวนมาก อาทิ ดร.บอย – ​เชษฐา ส่งทวีผล, คุณริ – ภูริ หิรัญพฤกษ์, คุณ​เตอร์ – ปริยะ วิมล​โนช, คุณ​แชมป์ – ชญาณัตถภัทร์ ตริชอบ ​และคุณ​โจ – นินนาท สิน​ไชย
​จึง​ใคร่ขอ​เรียน​เชิญท่าน​ให้​เกียรติร่วมงาน ตามวัน​เวลา​และสถานที่ดังกล่าว หากต้อง​การรายละ​เอียด​เพิ่ม​เติม​หรือตอบรับ กรุณาติดต่อ บริษัท พริส​ไพออริตี้ จำกัด ​โทร.0-2662-5477-8 ​หรือติดต่อคุณภษิมา ภูษิวกรณ์ (มิว มิว) ​โทร.089-449-2411 ​และคุณ​เกษรา กี้ประสพสุข (​แวว) ​โทร.08-6-368-3933
18.00 น. สื่อมวลชน​และ​แขก​ผู้มี​เกียรติลงทะ​เบียน ​และรับประทานของว่าง
19.00 น. – พิธีกรกล่าวต้อนรับสื่อมวลชน​และ​แขก​ผู้มี​เกียรติ​เข้าสู่งาน “ดูคาติ 1199 พานิกา​เล่ ลอนช์ ปาร์ตี้”
- พิธีกร​เรียน​เชิญ คุณอภิชาติ ลีนุตพงษ์ กรรม​การ​ผู้จัด​การ บริษัท ดูคาทิสติ จำกัด ​ผู้​แทนจำหน่ายมอ​เตอร์​ไซค์ดูคาติ ขึ้นกล่าว​ถึงงาน​ในวันนี้
- พิธี​เปิดตัว “ดูคาติ 1199 พานิกา​เล่” อย่าง​เป็นทาง​การ​ใน​ไทย ​โดย คุณอภิชาติ ลีนุตพงษ์
- พิธีกร​เรียน​เชิญ คุณปกาศิต จันทร์คุณานุ​เคราะห์ ​ผู้อำนวย​การฝ่ายบริ​การหลัง​การขายจากดูคาติ ​ไทย​แลนด์ กล่าว​ถึง​เรื่อง​เทคนิค​และ​ความพิ​เศษของ “ดูคาติ 1199 พานิกา​เล่”
20.00 น. ถ่ายรูปร่วมกัน​เป็นที่ระลึก / จบงาน


เรื่องย่อ การ์ตูน สแลมดังก์ (Slamdunk)


เรื่องย่อ

ซากุรางิ ฮานามิจิ หนุ่มผู้ช้ำรักในสมัยม.ต้น เมื่อถูกสาวๆหักอกนับ 50 ครั้ง เขาก็ย้ายไปเรียนที่โรงเรียนโชโฮคุ และใช้ชีวิตไปวันๆร่วมกับพรรคพวกทั้ง 4 อย่าง มิโตะ โยเฮย์,ทาคามิยะ โนโซมิ,โนมะ จูอิจิโร่ และ โอคุสึ ยูจิ วันหนึ่งซากุรางิก็ได้รับการชักชวนจาก อาคางิ ฮารุโกะ ให้เขาร่วมชมรมบาสเก็ตบอลของโรงเรียนโชโฮคุ และ การมาของเธอ ทำให้ชีวิตรักของซากุรางิกลับมาอีกครั้ง และ ยอมตกลงเข้าชมรมบาส แต่ชีวิตนักบาสเก็ตบอลของซากุรางินั้นก็ไม่ราบรื่นซักเท่าไร นอกจากจะฝึกหนัก ไม่ให้ได้ใช้ท่าดังก์ที่ตนเองต้องการแล้ว ตัวซากุรางิเองก็ไม่ถูกกับ อาคางิ ทาเคโนริ กัปตันทีมและเป็นพี่สาวของฮารุโกะ รวมไปถึงการมาของ รุคาว่า คาเอเดะ นักบาสดาวรุ่งฝืมือดีที่ฮารุโกะนั้นแอบหลงรัก ชนิดที่ทำให้ซากุรางินั้นไม่กินเส้นกับรุคาว่าเอาซะเลย แถมยังถูกชักชวนให้ไปชมรมยูโดอีกต่างหาก
หลังจากจบการแข่งขันกับเรียวนัน ทีมโชโฮคุก็ได้สมาชิกใหม่(แต่หน้าเก่า)เพิ่มอีก2คน ได้แก่ 
มิยางิ เรียวตะ และ มิตซึอิ ฮิซาชิ ทั้งหมดก็ผนึกกำลังกัน สานฝันในการพิชิตชัยทั่วประเทศให้จงได้

Highlight การแข่งขัน

โชโฮคุ vs เรียวนัน 
ศึกแรก ในนัดอุ่นเครื่องกับเรียวนันนั้น ซากุรางิไม่ได้ลงสนามตั้งแต่นาทีแรก เรียวนันซึ่งนำทีมโดย เซ็นโด อากิระ และ กัปตันทีมร่างยักษ์อย่าง อุโอสึมิ จุน นั้น คุมเกมส์ได้เหนือกว่า แต่โชโฮคุก็สู้ไม่ท้อ เลยทำให้รูปเกมส์เป็นไปอย่างสูสี แต่เหตุการณ์ก็มาพลิกผัน เมื่อ อาคางิ ได้รับบาดเจ็บ ซากุรางิต้องลงเล่นนัดเปิดตัว ในสภาพที่เกร็งสุดๆ ถึงซากุรางิจะเลย์อัพชู้ตลงให้ทีมกลับมานำก็จริงในช่วงนาทีท้าย แต่สุดท้ายก็แพ้ไปอย่างหวุดหวิด ด้วยสกอร์ 87-86

โชโฮคุ vs มิอุระได
ในรอบคัดเลือกหาทีมที่เข้าไปเล่นรอบสุดท้ายที่อินเตอร์ไฮ ในระดับจังหวัดคานางาวะนั้น ก็ได้เริ่มต้นขึ้น โดยรอบแรกนั้น โชโฮคุ ก็เจอกับ มิอุระได ซึ่งแน่นอน โชโฮคุ ก็เป็นฝ่ายถล่มแหลกไป 114-51 นัดนี้ รุคาว่าเล่นได้อย่างโดดเด่น ผิดกับซากุรางิ ที่ฟาลว์ครบ 5 ครั้งจนต้องออกจากสนาม แถมดันทำลูกดังก์เอาลูกบาสเขก มุราซาเมะกัปตันทีมฝ่ายตรงข้ามเสียอีก

โชโฮคุ vs โชโย

โชโฮคุก็สามารถเข้าชิงสาย B รอบคัดเลือก โดยเจอกับทีมแนวหน้าระดับจังหวัด และ เคยเข้ารอบสุดท้ายในการชิงชนะเลิศทั่วประเทศ อย่าง โชโย ซึ่งนำทีมโดยนักกีฬา และ โค้ช อย่าง ฟูจิมะ ในนัดนี้ก็เป็นนัดแรกที่ ซากุรางิ ได้ลงเป็นตัวจริง ทั้งสองฝ่ายก็ผลัดกันรุกผลัดกันรับ ผลัดกันนำโดยซากุรางิก็โชว์ฟอร์มรีบาวด์ได้โดดเด่น ในช่วงครึ่งหลัง ขณะที่โชโฮคุนำอยู่นั้น ฟูจิมะแห่งโชโยก็ต้องออกโรงเอง และทำให้เกมส์ของโชโยไหลลื่นขึ้น เซ็นเตอร์ของโชโยอย่าง ฮานางาตะ ก็สามารถหลอกให้ซากุรางิทำฟาลว์ถึง 4 ครั้ง โชโยจึงทำแต้มทิ้งห่างออกไป แต่โชโฮคุก็ยังฮึดสู้ต่อไป โดยมิตซึอิก็โชว์ฟอร์มชู้ต 3 แต้มลงต่อเนื่องจนกระทั่งคะแนนไล่ตามทัน และเป็นรุคาว่าที่ทำให้ทีมได้ขึ้นนำ และ เขี่ยโชโยตกรอบด้วยสกอร์ 62-60 ทำให้โชโฮคุได้ผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศในรอบ 4 ทีมสุดท้ายของจังหวัด ตามหลัง ไคนัน เรียวนัน และ ทาเคซาโตะ แต่ไฮไลท์ของแมตช์นี้กลับอยู่ที่ ลูกดังก์ของซากุรางิที่ไม่ได้คะแนนเพราะกลายเป็นทำฟาลว์จนกลายเป็นฟาลว์ครบ 5 ครั้งออกจากสนามไป ชนิดที่คนดูทั้งสนามฮือฮา

โชโฮคุ vs ไคนัน
รอบชิงชนะเลิศในรอบคัดเลือกประจำจังหวัดนัดแรก โดยเอาสองทีมที่ดีที่สุดไปแข่งทั่วประเทศ โชโฮคุก็เจอกับศึกหนักกับทีมสุดแกร่งอันดับหนึ่งในจังหวัด และ ทีมอันดับ 4 ของประเทศอย่าง สาธิตไคนันซึ่งอุดมไปด้วยนักกีฬาเก่งๆ อย่าง มากิ ชินอิจิ ซึ่งโชโฮคุรู้ตัวว่าเป็นรอง ก็เลยฮึดสู้จนไล่ตามไคนันเหลือไม่มาก โค้ชทาคาโต้ของไคนันจึงตัดสินใจส่งมิยามาสึมาประกบซากุรางิ ถึงมิยามาสึจะตัวเล็กจนเปิดโอกาสให้ซากุรางิทำแต้มได้ง่ายขึ้น แต่ ซากุรางิกลับทำพลาดเสียเอง ซึ่งส่งผลให้ไคนันสวนกลับ และ เริ่มทำคะแนนทิ้งห่างไปเรื่อยๆ
โค้ชอันไซตัดสินใจเอาซากุรางิออกไปพัก และสถานการณ์เลวร้ายลง เมื่ออาคางิได้รับบาดเจ็บที่ข้อเท้า ซากุรางิจึงกลับลงสนามอีกครั้ง ทั้งซากุรางิ และ รุคาว่า ต่างก็สู้กันสุดชีวิต และเป็นรุคาว่าที่โชว์เดี่ยว ทำแต้มจนตีเสมอไคนันได้เมื่อจบครึ่งแรก
ในครึ่งหลัง อาคางิกลับลงสนามอีกครั้ง แต่ทว่า มากิแห่งไคนันก็โชว์ฟอร์มเด่น พาทีมทำแต้มหนีห่างอีกครั้ง จนโค้ชอันไซต้องปรับแผนการเล่นใหม่ แล้วก็ใช้ได้ผล ทั้งสองทีมต่างก็ผลัดกันทำแต้มไปเรื่อย และเกมส์นี้ก็จบลงด้วยความผิดพลาดของซากุรางิ ทำให้ทีมพ่ายแพ้อย่างหวุดหวิด 88-90

หลังจบเกมส์ ซากุรางิเสียใจมาก และ โทษว่าตัวเองเป็นสาเหตุของความพ่ายแพ้ของทีม เขาจึงไถ่โทษด้วยการโกนผมตัวเอง

โชโฮคุ vs ทาเคซาโตะ
ในนัดที่2 โชโฮคุ ก็เป็นฝ่ายชนะ ทาเคซาโตะ ขาดลอย 120-81 ชนิดที่ซากุรางิมาสาย ไม่ได้ลงแข่ง เพราะ ดันงีบหลับขณะซ้อมชู้ตอยู่เพียงลำพัง

โชโฮคุ vs เรียวนัน
นัดชี้ชะตาระหว่าง 2 ทีม ซึ่งต่างก็แพ้ไคนันด้วยกันทั้งคู่ นัดนี้จัดเป็นการชิงตั๋วอีก 1 ใบที่เหลือ ในการเข้าสู่อินเตอร์ไฮของทั้ง2ทีม โชโฮคุมาแบบฟูลทีม ส่วนเรียวนัน นอกจากจะมี เซ็นโด้ กับ อุโอสึมิ แล้ว คราวนี้ก็ได้ ฟุคุดะ คิจโจ ลงเล่นเป็นตัวจริง
โดยก่อนแข่ง โชโฮคุก็ได้รับข่าวร้าย เมื่อ อ.อันไซ โค้ชประจำทีมป่วยหนักจนต้องไปรักษาตัวที่โรงพยาบาล ซึ่งชัยชนะนั้นก็เป็นสิ่งเดียวที่ทำให้มีขวัญ กำลังใจ และ เพื่อโค้ช ในช่วงแรก ฟุคุดะก็เป็นตัวทีเด็ดช่วยให้เรียวนันนำไปก่อน แถมในขณะเดียวกันอาคางิก็กังวลกับอาการบาดเจ็บที่ข้อเท้าจนเล่นผิดฟอร์ม ก็เลยโดนซากุรางิโหม่งเรียกสติกลับมา เลยไล่ตามไปได้บ้าง ฟุคุดะคนเดิมก็ทำแต้มให้เรียวนันทิ้งห่างไปอีกจนจบครึ่งแรก แถมยังทำให้ซากุรางิก็แผลแตกที่ศีรษะจากการพยายามไปป้องกันลูกชู้ตของเขาอีกด้วย
ในครึ่งหลัง ก็เป็นการดวลกันระหว่าง รุคาว่า กับ เซ็นโด้ ทั้งสองผลัดกันโชว์ฟอร์มจนผลออกมาสูสี และเป็นมิตซึอิที่ชู้ต 3 แต้ม ทำให้โชโฮคุพลิกกลับมานำ จากนั้นก็เป็นทีของซากุรางิที่ทำรีบาวด์ได้อย่างยอดเยี่ยมจนทำให้โชโฮคุเป็นฝ่ายคุมเกมในตลอดครึ่งหลัง แต่ทว่าเซ็นโด้ก็ไม่ยอมแพ้เลยช่วยทีมไล่ตามโชโฮคุอย่างกระชั้นชิด ในที่สุดก็เป็น โคงุเระ กับ ซากุรางิที่ช่วยกันทำแต้มตอกฝาโลงเรียวนันไป 70-66 โชโฮคุจึงผ่านเข้าไปพิชิตทั่วประเทศเป็นครั้งแรก

โชโฮคุ vs โทโยทามะ
การแข่งขันชิงชนะเลิศระดับประเทศนัดแรก โชโฮคุ ก็พบกับทีมอันดับสองของจังหวัดโอซาก้า อย่าง โทโยทามะ ดีกรีการแข่งขันคู่นี้ก็ทวีความดุเดือนขึ้นเพราะทั้งสองทีมมีการเขม่นเกทับกันก่อนแข่ง เริ่มเกมโทโยทามะ ซึ่งนำโดย มินามิ ซึโยชิ กับ คิชิโมโตะ มิโนริ ก็ช่วยกันทำแต้มนำไปก่อน และอาคางิก็ทำ"กอริลล่าดังก์"ช่วยให้ โชโฮคุ กลับสู่เกมส์จนสามารถทำแต้มจี้ติด แต่โทโยทามะก็รักษาแต้มที่นำอยู่จนจบครึ่งแรก ชนิดที่รุคาว่าก็ได้รับบาดเจ็บที่ตาจากการโดนเข่าของมินามิกระแทกไปด้วย
ในครึ่งหลัง โทโยทามะหันมาเล่นสไตล์ Run & Gun ที่ตนเองถนัด เลยทำแต้มหนีห่างโชโฮคุไปอีก โชโฮคุก็ยังไม่ท้อ โดยแต่ละคนต่างก็โชว์ฟอร์มเก่งกันออกมาจนแต้มเสมอกันก่อนหมดเวลา 5 นาที โทโยทามะขอเวลานอก แต่ก็เกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้น เมื่อผู้เล่นอย่าง มินามิ กับ คิชิโมโตะ กลับทะเลาะกันเอง ไม่เพียงแค่นั้น คิชิโมโตะก็ไปมีเรื่องกับโค้ชตัวเองอีกด้วย สถานการณ์แบบนี้ก็เลยทำให้โชโฮคุได้ใจเลยทำแต้มนำห่าง ในขณะที่มินามิที่โชว์ฟอร์มไม่ออก ชู้ตพลาดแล้วพลาดเล่า ก็เข้าไปปะทะกับรุคาว่าอีกครั้งจนได้รับบาดเจ็บ แต่เขาก็ได้รับการรักษาจากโค้ชคิตาโนะ ซึ่งเป็นโค้ชคนเก่าของทีม ทำให้มินามิได้รับกำลังใจเลยเรียกฟอร์มเก่งกลับมาได้ แต่ก็ช่วยไม่ทัน จึงจบเส้นทางที่รอบแรกต่อโชโฮคุไป 91-87

โชโฮคุ vs ซังโน
รอบสองในการชิงแชมป์ระดับประเทศ โชโฮคุก็เจอศึกหนักกับ เทคโนฯซังโน (ซากุรางิมักเรียกว่า ยามะโอ) ตัวแทนจังหวัดอาคิตะ ราชันย์บาสเก็ตบอลม.ปลาย ก่อนแข่งทั้งทีมโชโฮคุกดดันอย่างหนักเมื่อเจอทีมสุดแกร่งอย่างซังโน เลยเสียสมาธิในการซ้อม เพราะได้อ.อันไซมาให้กำลังใจ ทำให้ทุกคนคลายความกดดันไปได้ เริ่มเกม โชโฮคุประเดิมนำก่อนและก็รักษาแต้มที่นำเอาไว้ได้จนจบครึ่งแรก ในครึ่งหลัง ซังโนก็พิสูจน์ความเป็นเจ้าแห่งบาสฯม.ปลาย โดยซาวาคิตะ เอย์จิ ก็เป็นฝ่ายโชว์ฟอร์มยอดเยี่ยม ช่วยทำแต้มทิ้งห่างโชโฮคุ จนยากที่จะตามทัน ทุกคนในทีมโชโฮคุเริ่มหมดหวัง ซากุรางิก็เลยเรียกสติของทุกคนให้มีกำลังใจสู้มากขึ้นด้วยวิธีที่ไม่เหมือนใคร และก็เป็นซากุรางิที่ทำรีบาวด์พลิกเกมส์ อาคางิก็ได้สติกลับมาจากการช่วยเหลือ(?)ของอุโอสึมิที่ตามมาดูด้วย รวมไปถึงผู้เล่นอื่นๆก็ช่วยกันทำแต้ม จากที่ตามอยู่ 20 กว่าแต้ม ให้เหลือ 10 แต้มได้สำเร็จ แต่ทว่า ซาวาคิตะก็ช่วยทำแต้มหนีห่างออกไปอีก แต่ลูกชู้ตของรุคาว่า กับ รีบาวด์ของซากุรางิ ก็ช่วยให้ระยะห่างของคะแนนใกล้เข้ามาเรื่อย จนกระทั่ง ซากุรางิได้รับบาดเจ็บอันรุนแรงจากการไปกระแทกโต๊ะข้างสนามขณะที่กำลังจะไปคว้าบอล ซึ่งมีผลต่อการเป็นนักกีฬาของเขาด้วย ในขณะที่ซากุรางิกำลังจะสิ้นหวัง เขาก็นึกถึงประโยคแรกที่ฮารุโกะเข้ามาทักซากุรางิได้อย่าง "ชอบบาสเก็ตบอลมั๊ยค่ะ" ซากุรางิจึงตื่นขึ้นมาแล้วสารภาพกับฮารุโกะว่า "ชอบที่สุดเลย คราวนี้ไม่ได้โกหกนะครับ" ซากุรางิมีกำลังใจเล่นอีกครั้ง จึงลงสู่สนามทั้งๆที่ยังเจ็บอยู่ และ ในช่วงที่เวลาเหลือไม่เกิน 1 นาที ก็เกิดเหตุการณ์ต่างๆดังนี้ เริ่มจาก มิตซึอิกชู้ต 3 แต้ม และ ลูกโทษลง จึงไล่มาเหลือแต้มเดียว ซากุรางิก็ส่งลูกให้รุคาว่า ให้รุคาว่าทำแต้มพลิกกลับมานำ ทางฝ่ายซังโน ซาวาคิตะก็เป็นฝ่ายทำแต้มให้ซังโนกลับมานำอีกครั้งในช่วง 10 วินาทีสุดท้าย แล้วในที่สุดรุคาว่าก็เป็นฝ่ายส่งบอลให้ซากุรางิชู้ตลงไปในวินาทีสุดท้าย จนพลิกกลับมาชนะเลิศเข้ารอบต่อไปด้วยคะแนน 79-78 โค่นทีมเต็งหนึ่งได้สำเร็จ
หลังเกม ซากุรางิกับรุคาว่าก็หันมาแตะมือกัน ส่วนทุกคนก็ยินดีกับชัยชนะครั้งนี้และได้ถ่ายรูปลงนิตยสารบาสเก็ตบอล(แต่ก็ไม่ได้ขึ้นปก) ถึงโชโฮคุจะล้มซังโนได้ แต่ก็หยุดเส้นทางพิชิตทั่วประเทศไว้แค่นั้น เมื่อพ่ายต่อวิทยาลัยไอวะแห่งจังหวัดไอจิ

หลังจากนั้น พวกปี 3 อย่าง อาคางิกับโคงุเระก็ลาออกจากชมรมไปเพื่อเตรียมสอบเข้ามหาวิทยาลัย มิยางิก็เลยได้เป็นกัปตันทีมคนใหม่ ส่วนมิตซึอิซ้ำชั้นอยู่เป็นกำลังหลักของทีมโชโฮคุต่อไป ฮารุโกะเป็นผู้ช่วยผู้จัดการทีมร่วมกับอายาโกะ รุคาว่าก็เป็นตัวแทนทีมชาติญี่ปุ่น ส่วนซากุรางิไปทำกายภาพบำบัด


เดวิด โรเบิร์ต โจเซฟ เบ็คแฮม (David Robert Joseph Beckham)


เดวิด โรเบิร์ต โจเซฟ เบ็คแฮม (David Robert Joseph Beckham) เกิดวันที่ 2 พฤษภาคม ค.ศ. 1975 เป็นนักฟุตบอลชาวอังกฤษ ปัจจุบันมีสัญญาอยู่กับสโมสรแอลเอแกแล็คซี่ในอเมริกา แต่ทีมเอซี มิลานยืมตัวมาเป็นฤดูกาลที่สองแล้ว  และเป็นกัปตันของทีมชาติอังกฤษตั้งแต่ 15 พฤศจิกายน ค.ศ. 2000 ถึง 2 กรกฎาคม ค.ศ. 2006
เบ็คแฮมเป็นนักเตะหนึ่งในสี่คนที่เล่นในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกมากกว่า 100 นัด เขายังเป็นนักเตะที่เล่นให้ทีมชาติอังกฤษ 94 ครั้ง มากที่สุดเป็นอันดับ 5 (ก.ค. 49) และเป็นคนอังกฤษเพียงคนเดียวที่ทำประตูได้ในการแข่งขันฟุตบอลโลก 3 ครั้ง ใน ฟุตบอลโลก 1998 2002 และ 2006 รวมทั้งหมด 17 ประตู ชื่อเสียงของเบ็คแฮมนอกสนามแข่งนั้นโด่งดังกว่าในสนามมาก เฉพาะในสหราชอาณาจักรแล้ว ชื่อเบ็คแฮมเทียบได้กับแบรนด์อย่างโค้กหรือไอบีเอ็มเลยทีเดียว
           เบ็คแฮมได้รับเครื่องราชเป็นนายทหารแห่งจักรวรรดิบริเตน (Officer of the British Empire) จากสมเด็จพระราชินีนาถอลิซาเบธที่ 2
แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด
           เบ็คแฮมเกิดในเมือง ลีย์ตันสโตน ในกรุงลอนดอน โดยพ่อของเขา เท็ด เบ็คแฮม เป็นแฟนของสโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด และเดินทางไปดูการแข่งขันที่สนามโอลด์ แทรฟฟอร์ดอยู่เสมอ เบ็คแฮมจึงได้เข้าเป็นนักเตะฝึกหัดของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด
           เมื่อผู้เล่นชุดใหญ่ของสโมสรออกจากทีมไปเมื่อสิ้นสุดฤดูกาล 94-95 ผู้จัดการทีมอเล็กซ์ เฟอร์กูสันจึงนำนักเตะจากทีมเยาวชนขึ้นมาเล่น เดวิด เบ็คแฮมเป็นหนึ่งในนักเตะเหล่านั้น เบ็คแฮมสามารถทำประตูได้ในนัดแรกของฤดูกาล (ชนะ เวสต์แฮม 3-1) และได้เป็นตัวจริงถาวรนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ฤดูกาลแรกของเบ็คแฮมนั้นชนะเลิศทั้งพรีเมียร์ลีกและเอฟเอคัพ
           ชื่อเสียงของเบ็คแฮมเริ่มโด่งดังขึ้นในเดือนสิงหาคม 1996 เมื่อเขายิงลูกจากครึ่งสนามเข้าในนัดที่พบกับวิมเบิลดัน เขาติดทีมชาติอังกฤษนัดแรกวันที่ 1 กันยายน ค.ศ. 1996 ในรอบคัดเลือกฟุตบอลโลกที่อังกฤษพบกับมอลโดวา ในฤดูกาลนี้เขายังได้รับรางวัลนักฟุตบอลดาวรุ่งยอดเยี่ยมของพีเอฟเอซึ่งโหวตโดยผู้เล่นในพรีเมียร์ลีก

ฟุตบอลโลก 1998
           เบ็คแฮมได้เล่นในรอบคัดเลือกของฟุตบอลโลก 1998ครบทุกนัด แต่ในฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายที่ประเทศฝรั่งเศส ผู้จัดการทีมชาติอังกฤษเกล็น ฮ็อดเดิลได้วิจารณ์ว่าเขาไม่มีสมาธิกับเกมฟุตบอล ทำให้เบ็คแฮมไม่ได้ลงเล่นใน 2 นัดแรก เขากลับมาลงสนามอีกครั้งในนัดที่อังกฤษชนะโคลัมเบีย 2-0 และทำประดูได้
           เบ็คแฮมกลายเป็นตัวร้ายของทีมชาติ เมื่อได้รับใบแดงจากการทำฟาล์วนอกเกมกับดิเอโก ซิโมเน นักเตะทีมชาติอาร์เจนตินาในการแข่งขันรอบที่สอง การแข่งขันนัดนั้นเสมอกันและอังกฤษแพ้ในการยิงจุดโทษ สื่อมวลชนอังกฤษจึงกล่าวหาว่าเขาเป็นต้นเหตุของความพ่ายแพ้ในนัดนี้



ฤดูกาลทริปเปิลแชมป์ (1998-1999)
            สโมสรแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ประสบความสำเร็จสูงสุดในฤดูกาล 1998-1999 เมื่อสามารถคว้าแชมป์รายการสำคัญได้ถึง 3 รายการ คือ พรีเมียร์ลีก เอฟเอคัพ และยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก โดยเบ็คแฮมมีส่วนร่วมอย่างมากในการทำประตูการแข่งขันนัดสำคัญ ผลจากการเล่นที่มีประสิทธิภาพในฤดูกาลนี้ทำให้แฟนของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดให้อภัยความผิดพลาดในฟุตบอลโลก และคอยปกป้องเบ็คแฮมจากแฟนชาวอังกฤษของสโมสรอื่นที่ยังโจมตีเบ็คแฮมอยู่
            เมื่อชื่อเสียงของเบ็คแฮมนอกสนามเริ่มโด่งดัง เขาเริ่มมีปัญหากับผู้จัดการทีมอเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ซึ่งมองว่าวิคตอเรีย เบ็คแฮม ภรรยาของเขามีส่วนต่อพฤติกรรมแย่นอกสนาม ซึ่งทำให้เบ็คแฮมไม่มีสมาธิกับการแข่งขันเท่าที่ควร
            เบ็คแฮมเริ่มกลับมาเอาชนะใจแฟนฟุตบอลอังกฤษได้อีกครั้ง เมื่อผู้จัดการทีมชาติอังกฤษเควิน คีแกน ลาออกจากตำแหน่งเมื่อเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 2000 ปีเตอร์ เทย์เลอร์ ผู้จัดการชั่วคราวในขณะนั้นมอบตำแหน่งกัปตันทีมให้กับเบ็คแฮม และสืบต่อมาถึงช่วงของ สเวน โกรัน อีริคสัน ผู้จัดการคนถัดมา เบ็คแฮมมีบทบาทอย่างมากในรอบคัดเลือกฟุตบอลโลก 2002 โดยเฉพาะนัดที่เอาชนะทีมชาติเยอรมนี 5-1 และตีเสมอให้อังกฤษ 2-2 ในนัดที่เจอกับทีมชาติกรีซ ซึ่งทำให้อังกฤษเข้ารอบสุดท้ายในที่สุด


ฟุตบอลโลก 2002
            เบ็คแฮมได้รับบาดเจ็บจากการแข่งขันยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกกับสโมสรฟุตบอลดีปอร์ติโว ลา คอรุญญ่า ในเดือนเมษายน 2002 จึงหมดสิทธิ์เล่นทั้งฤดูกาล แต่เขาหายทันการแข่งขันฟุตบอลโลก 2002ที่ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้เป็นเจ้าภาพร่วม เขาทำประตูชัยในนัดที่พบกับอาร์เจนตินา แต่สุดท้ายอังกฤษแพ้ให้กับบราซิลในการแข่งขันรอบถัดมา
            เบ็คแฮมได้รับบาดเจ็บอีกครั้งต้นฤดูกาล 2002-03 และเริ่มเสียตำแหน่งตัวจริงในทีม ความสัมพันธ์ของเขากับเฟอร์กูสันถึงจุดแตกหัก เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2003 หลังการแข่งขันที่แพ้ให้กับสโมสรฟุตบอลอาร์เซนอล ในห้องแต่งตัว เฟอร์กูสันได้เตะรองเท้าสตั๊ดไปโดนบริเวณเหนือคิ้วของเบ็คแฮมจนได้รับบาดเจ็บ เหตุการณ์นี้เป็นจุดเริ่มต้นในการย้ายทีมของเบ็คแฮมเมื่อสิ้นสุดฤดูกาล
             เบ็คแฮมลงสนามกับแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดทั้งหมด 394 นัด ทำได้ 85 ประตู

เรอัล มาดริด
            แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดต้องการขายเบ็คแฮมให้กับสโมสรฟุตบอลบาร์เซโลนา แต่เบ็คแฮมกลับเซ็นสัญญา 4 ปีกับสโมสรฟุตบอลรีลมาดริดด้วยค่าตัวประมาณ 35 ล้านยูโร การย้ายทีมครั้งนี้ถูกวิจารณ์ว่ารีลมาดริดต้องการซื้อความเป็นดาราของเบ็คแฮมเพื่อหวังรายได้จากการขายสินค้า มากกว่าต้องการตัวเบ็คแฮมจากฝีมือการเล่นฟุตบอล ตัวอย่าง.ที่ชัดเจนคือเสื้อของเบ็คแฮมนั้นขายหมดทันทีในวันแรกที่เขาย้ายมายังมาดริด
            เมื่อเล่นกับแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด เบ็คแฮมใส่เสื้อหมายเลข 7 แต่เมื่อย้ายมามาดริด หมายเลข 7 ถูกครอบครองโดยราอูล กอนซาเลซดาวยิงชาวสเปนอยู่แล้ว เบ็คแฮมจึงเปลี่ยนไปใส่หมายเลข 23 โดยให้เหตุผลว่าเขาเป็นแฟนของไมเคิล จอร์แดน นักบาสเก็ตบอลชื่อดัง
            ฤดูกาลแรกของเบ็คแฮมที่มาดริดเริ่มต้นได้ค่อนข้างดี แต่มาดริดไม่สามารถคว้าแชมป์ใดๆ ได้เมื่อจบฤดูกาล เบ็คแฮมตกเป็นข่าวอื้อฉาวว่ามีความสัมพันธ์กับอดีตผู้ช่วย และนางแบบชาวออสเตรเลีย เบ็คแฮมได้ปฏิเสธข่าวเหล่านี้ ปีนั้นเขายังได้ลงแข่งขันยูโร 2004 และยิงลูกโทษพลาด ทำให้อังกฤษแพ้โปรตุเกสในรอบสี่ทีมสุดท้าย
            ฤดูกาล 2007/08 ถึงจุดเปลี่ยนแปลงในชีวิตของเบ็คแฮม จากการเข้ามาคุมทีมของ ฟาบิโอ คาเปลโล่ ซึ่งไม่เห็นค่าของเบ็คแฮมเท่าไหร่นัก เขาจับเบ็คแฮมเป็นตัวสำรอง หลายต่อหลายครั้ง จนกระทั่งจุดเปลี่ยนแปลงที่เป็นข่าวใหญ่ไปทั่วโลกก็เกิดขึ้น เมื่อวันที่ 11 มกราคม 2007 เบ็คแฮมได้ประกาศ เซ็นสัญญาย้ายไปร่วมทีม "แอลเอ แกแล็คซี่" หลังจบฤดูกาล 2007!!!
            มีข่าวต่างๆออกมามากมายในกรณีดังกล่าว ซึ่งก่อนหน้านั้น ทางมาดริดได้เสนอสัญญา 2 ปี ให้กับเบ็คแฮม แต่เจ้าตัวต้องการสัญญาระยะยาวกว่านั้น ซึ่งจนแล้วจนรอดก็ไม่มีสัญญาฉบับใหม่มายื่นให้บักเบ็คเซ็น จนเป็นผลให้จอมวางบอล ย้ายไปรับทรัพย์มาหาศาลจากสัญญา 5 ปี ของทีมของเมเจอร์ลีก แทน
            จากกรณีดังกล่าว ทำให้คาเปลโล่ ประกาศตัดเบคแฮมออกจากทีม และไม่ให้ลงเล่นอีกต่อไป แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เบคแฮมเลิกล้มช่วงเวลาที่เหลือ กับทีมชุดขาวแต่อย่างใด เขายังคงมาซ้อมกับเพื่อนร่วมทีมเป็นปกติ จนกระทั่ง มีอยู่ช่วงหนึ่งที่ทีมราชัน ฟอร์มบู่เป็นอย่างมาก มีเสียงเรียกร้องจากแฟนๆ ให้ส่งเทพบุตรสุดหล่อ ลงมาเปิดเกมส์ทางกราบขวาเหมือนเป็นปกติ จนในที่สุด เบคแฮมก็ได้กลับมาลงเล่นอีกจนได้ ซึ่ง ณ ขณะนั้น บักเบคโชว์ฟอร์มได้ยอดเยี่ยมมาก จ่ายใส่พานให้คนอื่นทำประตูสุดสวยหลายต่อหลายครั้ง จนกระทั่งเรอัล มาดริด คว้าแชมป์ลาลีกา ไปครองในที่สุด ซึ่งคาเปลโล่ ถึงกลับมาให้สัมภาษณ์เลยว่า "ผมเสียใจจริงๆที่เราไม่ยื่นสัญญาในระยะเวลาอย่างที่เขาต้องการ"


แอลเอ แกแล็คซี่
              เบ็ค เปิดตัวในฐานะนักเตะแอลเอ ที่โฮม ดีโป เซ็นเตอร์ สนามของทีม โดยเบ็คเลือกใส่หมายเลข 32 ซึ่งในวันเปิดตัวนั้น มีแฟนบอลมาต้อนรับมากมายถึง 250,000 คนเลยทีเดียว
           เบ็คแฮม ลงสนามเล่นแมทช์แรกกับทีม เชลซี ในแมทช์อุ่นเครื่อง ซึ่งทีมแพ้ไป 0-1 และลงเล่นในลีกแมทช์แรกเจอกับทีม ดีซี ยูไนเต็ด ซึ่งสามารถจ่ายบอลให้ แลนดอน โดโนแวน ยิงได้ด้วย และพาทีมเอาชนะไป 2-0
           และในแมทช์ที่แข่งศึกซูเปอร์ลีกา(ยูฟ่าแชมเปี้ยน ของอเมริกาใต้) เจอกับทีมพาชูร่า ของเม็กซิโก เบ็คแฮมได้รับบาดเจ็บที่หัวเข่า ส่งผลให้เขาพักยาวถึง 6 สัปดาห์เลยทีเดียว ซึ่งกว่าจะกลับมาเล่นได้ก็แทบจบฤดูกาลแล้ว สรุปในฤดูกาลแรกกับทีมแอลเอ เบ็คแฮมได้ลงทั้งสิ้น 8 นัด ( 5 นัดในลีก) และทำได้ 1 ประตู (0 ในลีก) เล่นเอาแฟนๆถึงกับทำป้ายบอกเลยว่า "กุซื้อแฮรี่มาอ่านยังจะถูกกว่าคุ้มกว่าอีก"
           ช่วงปิดฤดูกาล เบ็คแฮมสร้างความฮือฮาด้วยการมาซ้อมบอล กับทีมอาร์เซนอล ซึ่งถือเป็นข่าวครึกโครมในช่วงนั้นเลยทีเดียว
           สำหรับลูกแรกที่ทำได้ในเมเจอร์ลีกนั้น เป็นการเจอกับทีม ซาน โจเซ่ เอิร์ธเควกเกส โดยเบ็คทำได้ในนาทีที่ 9
           และวันที่ 24 พฤษภาคม 2008 เบ็คแฮมก็สร้างตำนานการยิงไกลร่วมครึ่งสนามอีกครั้ง ในแมทช์เจอกับแคนซัสซิตี้ วิซาร์ด ซึ่งยิงไกลในระยะร่วม 70 หลา
           แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อจบฤดูกาล ทีมก็ไม่ได้สิทธิอะไรเลย จบฤดูกาลแบบมือเปล่า ซึ่งหลังจากความหวังที่จะช่วยกอบกู้ชื่อเสียงของทีม กลับไม่ประสบความสำเร็จใน 2 ฤดูกาลที่อยู่กับทีม ทำให้ช่วงปิดฤดูกาลที่ 2 เบ็คแฮมเลยตัดสินใจ......
มามิลานแบบยืมตัว
              ช่วงปี 2008 เบ็คแฮมซึ่งกลับมาติดทีมชาติอีกครั้ง เพราะโค้ชฟาบิโอ คาเปลโล ซึ่งเคยคุมทีมเรอัล มาดริด สมัยที่ยังมีเบ็คแฮมอยู่กับทีม ในเล็งเห็นศักยภาพการเปิดบอลใส่พานของเขา และเรียกตัวกลับมาติดทีมชาติ ซึ่งก็ทำผลงานในบอลโลกรอบคัดเลือกได้เป็นอย่างดี ซึ่งการที่ฟอร์มของเขายังดีอยู่ ทำให้ยอดทีมจากอิตาลี เอซี มิลาน อยากได้ความสามารถของเขามาช่วยทีม จึงอาศัยช่วงที่ปิดฤดูกาลของอเมริกา ยืมตัวเบ็คแฮมมาใช้งาน ซึ่งทางแอลเอก็ได้ตอบตกลงอย่าง่ายดาย ด้วยเหตุผลที่ว่า ทีมปีศาจแดงดำจะสามารถเรียกความสามารถระดับท๊อปฟอร์มของเบ็คแฮมกลับมาได้ ซึ่งเบ็คก็ไม่รอช้า รีบบินมาเล่นให้ในทันที
           เบ็คแฮม ลงเล่นอย่างเป็นทางการให้กับเอซี มิลาน ในแมทช์ที่เสมอกับโรม่า 2-2 เบ็คยิงได้ลูกแรกในเซเรีย อาร์ ในนัดถล่มโบโลญญ่า 4-1 ซึ่งเป็นการลงสนามนัดที่สามของเขา ซึ่งพอโชว์ฟอร์มได้ดีกับทีมปีศาจ เบ็คแฮมก็แสดงอาการ ไม่อยากกลับไปเล่นในลีกที่ระดับต่ำกว่ามาตรฐานของตัวเองอย่างเมเจอร์ลีก ทันที เขาแสดงเจตนารมณ์ชัดเจนว่า อยากอยู่กับมิลาน ต่อไป ซึ่งทีมมิลาน ก็ได้ยื่นข้อเสนออยู่หลายครั้ง ซึ่งครั้งสุดท้ายมีมูลค่าสูงสุดที่ 10.5 ล้านปอนด์ แต่เงินแค่นี้ ทีมเศรษฐีจากอเมริกาไม่ยอมขายอยู่แล้ว แต่สุดท้ายก็ต้องกลับมาเล่นให้กับแอลเอ ต่อไป

ฟุตบอลโลก 2006
            เบ็คแฮมมีส่วนในการทำประตูในรอบแรกของฟุตบอลโลก 2006 และยิงได้ในนัดที่พบกับเอกวาดอร์ในรอบที่สอง ทำให้เขาเป็นผู้เล่นอังกฤษคนแรกที่ทำประตูได้ในการแข่งขันฟุตบอลโลก 3 ครั้ง อย่างไรก็ตามในการแข่งขันกับโปรตุเกสในรอบถัดมา เบ็คแฮมบาดเจ็บจนถูกเปลี่ยนตัวออกในครึ่งหลัง และอังกฤษแพ้จุดโทษให้กับโปรตุเกสอีกครั้ง
หลังจากตกรอบฟุตบอลโลก เบ็คแฮมประกาศลาออกจากตำแหน่งกัปตันทีมชาติอังกฤษ เพื่อเปิดทางให้รุ่นน้องคนอื่นเข้ามารับหน้าที่นี้แทน
ปัจจุบัน เบ็คแฮมได้กลับมาติดทีมชาติอีกครั้ง ภายใต้การคุมทีมของคาเปลโล่ ซึ่งกำลังทำศึกฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก อยู่ในขณะนี้

ชีวิตส่วนตัว
            เบ็คแฮมแต่งงานกับ วิคตอเรีย อดัมส์ นักร้องสาวของวงสไปซ์เกิลส์ ฉายา "Posh Spice" ความสัมพันธ์ของทั้งสองคนเป็นที่สนใจของสื่อมวลชนอย่างมาก ทั้งคู่ถูกเรียกจากสื่อว่า "Posh and Becks" และชื่อนี้เป็นที่รู้จักกันทั่วไป
ครอบครัวเบ็คแฮมมีลูกชาย 3 คน คือ บรุคลิน โจเซฟ เบ็คแฮม (เกิด 1999), โรมีโอ เจมส์ เบ็คแฮม (เกิด 2002) และครูซ เดวิด เบ็คแฮม (เกิด 2005)

ประวัติ Kobe Bryant



ประวัติ Kobe Bryant
ตำแหน่ง ชู้ตติ้งการ์ด

ฉายา Black Mamba

ความสูง 6 ฟุต 6 นิ้ว (1.98 ม)

น้ำหนัก 216 ปอนด์ (98 กก.)

สัญชาติ  สหรัฐอเมริกา

วันเกิด 23 สิงหาคม พ.ศ. 2521 (อายุ 31 ปี)

ฟิลาเดลเฟีย, มลรัฐเพนซิลเวเนีย

มหาวิทยาลัย Lower Merion HS

ดราฟท์ ลำดับที่ 13, 1996

ทีมที่เคยเล่น

เล่นระดับอาชีพ 1996–ปัจจุบัน

ทีมที่เคยเล่น ลอสแอนเจลิส เลเกอรส์ 1996-ปัจจุบัน

รางวัล ผู้เล่นทรงคุณค่าเอ็นบีเอ (2008)

ผู้เล่นทรงคุณค่าเอ็นบีเอรอบไฟนอล (2009)


วัยเด็กและครอบครัว
โคบีเป็นลูกชายของ Joe Bryant ซึ่งเป็นอดีตนักบาสเกตบอลทีม Houston และ 76ers ส่วนมารดาชื่อ Pamela Bryant มีพี่สาวสองคนชื่อ Sharia และ Shaya

เมื่อโคบีอายุได้ 6 ควบครอบครัวไปย้ายไปอยู่ที่ประเทศประเทศอิตาลีครอบครัวเขาได้ย้ายกลับสหรัฐอเมริกาเมื่อปี 1991 เขาจบการศึกษาจาก Lower-Merion High-school

อาชีพนักบาสเกตบอล
เขาได้พบโค้ชของทีม 76ers John Lucas ได้มีการฝึกและทำงานร่วมกัน โดยในตอนการฝึกซ้อมนั้น Lucas ได้ให้โคบี้เล่นตัวต่อตัวกับ Jerry Stackhouse ดาวดังของทีมในขณะนั้นเพื่อทดสอบ และในปีต่อมาเขาได้เข้ามาใน NBA จากการดร๊าฟรอบแรกโดยได้อยู่กับทีม Charlotte Hornets ซึ่งต่อมาในปีเดียวกันนั้น โคบี้ได้ย้ามมาอยู่กับทีม LA laker ด้วยการแลกตัวกับ Vlade Divac จนถึงปัจจุบัน เขาลงเล่นครั้งแรกในปี 1996 โดยเป็นผู้เล่นที่มีอายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์โดยมีอายุเพียง 18 ปี 5 เดือน เขาได้แชมป์ 4 สมัยกับทีม LA Lakers ในปี 2000 2001 2002 2009 ติดทีมโอลิมปิคปี 2008 ซึ่งทีมชาติสหรัฐอเมริกาได้อันดับชนะเลิศ
ผลงานในการแข่งขันบาสเกตบอล
คว้าแชมป์ nestle crunch slam dunk

เป็นผู้เล่นที่ทำแต้มมากสุดโดยทำในเกมส์เดียวอันดับสองคือ 81 แต้ม รองจาก Wilt Chamberlain ซึ่งทำได้ 100 แต้ม

ติด NBA all star ทั้งหมด 11 ครั้ง

เป็นแชมป์ NBA 4ครั้ง ปี 2000 2001 2002 2009,

เป็น MVP final 2009,

MVP 2008,

NBA scoring champion สองครั้ง 2006 2007,

All NBA first team 7ครั้ง ปี 2002-2004 2006-2009,

All NBA second team 2ครั้ง ปี 2000 2001,

All NBA third team 2ครั้ง ปี 1999 2005,

All defensive first team 7ครั้ง ปี 2000 2003-2004 2006-2009,

All defensive second team 2ครั้ง ปี 2001 2002,

NBA all rookie second team 1997,

NBA all star game MVP 3ครั้ง ปี 2002 2007,2009